

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธร ศีขรภูมิ (สี-ขอ-ระ-พูม) อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ได้รับ แจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ว่ามีคนร้ายเดินทางไปมอบตัว คือ นายสมเดช แก้วสว่าง อายุ 62 ปี อยู่บ้านทุ่งรูง ม.6 ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พร้อมกับบอกสาเหตุรายละเอียดที่ตนเองได้กระทำลงไป ในพื้นที่อำเภอศีขรภูมิ ว่าตนเองบีบคอ ฆ่าภรรยาแล้วฝังดินไว้ที่สระน้ำที่กำลังจะแห้ง ท้ายหมู่บ้านทุ่งรูง ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ

ล่าสุดวันที่ 9 มีนาคม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัย ได้พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว จึงได้นำของกลางรถกระบะปิกอัพ แบบมีโครงเหล็ก สำหรับบรรทุกพืชผลการเกษตร ยี่ห้อนิสัน สีน้ำเงิน ทะเบียน บร 2003 สุรินทร์ ซึ่งใช้บรรทุกศพผู้ตายจากบ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ มาฝังยังสระน้ำบ้านทุ่งรูง ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดรถของกลาง มาไว้ที่สถานีตำรวจภูธรศีขรภูมิ และก็พบว่ามีปรากฏเหตุการณ์แปลกประหลาดทั้งคืน สุนัขที่มีอยู่นับสิบตัวภายในสถานีตำรวจภูธรศีขรภูมิและพื้นที่ใกล้เคียง ได้ส่งเสียงหอนรับช่วงกันเป็นระยะๆ ตลอดทั้งคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ช่วงกลางคืน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คงเป็นวิญญาณ ของนางเมา แก้วสว่าง อายุ 44 ปี ที่ถูกสามีฆ่าบีบคอจนเสียชีวิต และยังอยู่บนรถปิกอัพคันดังกล่าว
พอมาในช่วงเช้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานให้ญาติพี่น้อง ของผู้เสียชีวิต ได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตก็มีความเชื่อว่าวิญญาณของ นางเมา คงรู้สึกตัวว่าตนเองเสียชีวิตแล้วและยังวนเวียนอยู่ภายในรถปิกอัพที่สามี ใช้ขับขี่ทำงานทุกวัน จึงได้นิมนต์พระสงฆ์ มาประกอบพิธีสวดเรียกวิญญาณให้กลับบ้านและประกอบพิธีกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ นางเมา ให้ได้รับส่วนกุศล และอย่าได้อาฆาตมาดร้ายต่อใครอีก

และในช่วงเที่ยงบรรดาญาติๆก็ได้เคลื่อนศพ นางเมา แก้วสว่าง จากแผนกนิติเวชโรงพยาบาลสุรินทร์ ไปยังบ้านแม่ของนางเมา ที่บ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีบรรดาญาติพี่น้องในหมู่บ้าน ลูกสาวของผู้ตาย มาช่วยกันจัดสถานที่จัดงานศพ และเตรียมจัดอาหารเลี้ยงญาติพี่น้องที่มาช่วยงานศพ กันอย่างเรียบง่ายด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด
ต่อมาในเวลา 16.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมตัว นายสมเดช แก้วสว่าง อายุ 62 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นสามีเฒ่าผู้ก่อคดีหึงโหด ฆ่าฝังดินภรรยาสาว มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยได้นำตัวผู้ต้องหา ไปกราบขอขมาแม่ของผู้ตาย ซึ่งมีอายุมากแล้ว จากนั้น ได้ไปกราบขอขมาศพนางเมา แก้วสว่าง ภรรยาสาว ด้วยสีหน้านิ่งเฉย โดยมีญาติพี่น้อง ที่มาร่วมงานต่างก็พากันดูเหตุการณ์ อยู่ห่างๆ จากนั้นได้นำผู้ต้องหา ไปที่บ้านที่ลงมือก่อเหตุฆ่าบีบคอนางเมา จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาเอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านแม่ของผู้ตายมากนัก โดยมีลูกสาวของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นลูกกับเมียคนก่อน ก่อนที่จะมาได้กับนางเมา มาดูแล ผู้เป็นพ่ออย่างใกล้ชิด
หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านขนาดมอญ แล้วก็ได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หนองน้ำบ้านทุ่งรูง ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวการทำแผนประกอบคำรับสารภาพมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด การทำแผนเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย นายสมเดช ผู้ต้องหา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านตนเอง และเดินทางมากับตำรวจ พร้อมชี้จุดขับรถนำศพ นางเมามาฝังดินใต้ก้นสระน้ำ ที่กำลังแห้งขอด ด้วยท่าทางและสีหน้านิ่งเฉย เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่ทำลงไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังอย่างใจเย็น ก่อนเดินไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ
โดยมี พ.ต.ท.สมพงษ์ แก่นจักษ์ รอง ผกก. สภ.ศีขรภูมิ และ พ.ต.ต.วิทวัส แก้วเหลา พนักงานสอบสวนเวร ควบคุมการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ต้องหาได้ให้เล่าเหตุการณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ฟัง สาเหตุมาจากที่เมียโกหกตนเองว่าไม่ได้เป็นชู้กับใคร ผู้ต้องหาจับได้ว่าไปมีชู้กับคนชื่อ ( เฮง ) นามสมมุติ เพราะตนเองได้รับเชื้อโรค มาติดตนเองคือ ( หนองใน ) โมโหเห็นว่าเมียโกหกตนเอง และในขณะเดียวกันทางญาติของ นายเฮง ได้ยินตนเองกล่าวหาลูกเขามาเป็นชู้กับเมียตนเอง ก็ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เรียกค่าเสียหายปรับตนเอง 5,000 บาท ด้วยความโมโหก็เลยบีบคอบังคับให้สารภาพ เมียก็เลยบอกว่ามีชู้จริง ตนเองจึงยิ่งโมโหหนักเลยบีบคอจนตายคามือ จากนั้นก็นำมาฝั่งนี้ที่ดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหาจากนั้น จนท.ตำรวจจึงรีบควบคุมผู้ต้องหาขึ้นรถตู้กลับ ที่ สภ.ศีขรภูมิ ทันที โดยที่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น