อาสาช่วยน้ำท่วม ขาติดเชื้อถูกตัดทิ้ง ขอปิดรับบริจาค หลังคนแห่ช่วยทะลุ 3 ล้าน

อาสาช่วยน้ำท่วม ขาติดเชื้อถูกตัดทิ้ง ขอปิดรับบริจาค หลังคนแห่ช่วยทะลุ 3 ล้าน,อาสาช่วยน้ำท่วม ขาติดเชื้อถูกตัดทิ้ง ขอปิดรับบริจาค หลังคนแห่ช่วยทะลุ 3 ล้าน

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวความรันทด ที่บ้านโคกสำโรง คุ้มโคกเจริญ สพฐ 208 หมู่ 9 ต.ราม อ.เมืองสุรินทร์ โดยพ่อชื่อ นายอนุชิต นิราชโศรก อายุ 36 ปี พิการขาขวาขาด ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย โรคเมลิออยด์ และม้ามโต ต้องเลี้ยงลูก 3 คนคือ ด.ญ.กัลยา นิราชโศรก อายุ 14 ปี (ไม่ได้ศึกษาต่อ) ด.ช.พงศกร นิราชโศรก อายุ 9 ขวบ เรียนชั้น ป.3 และด.ช.จิรายุ นิราชโศรก อายุ 6 ขวบ เรียนชั้นอนุบาล 3

ซึ่งบ้านที่อยู่ ด.ญ.กัลยา ได้รับบ้านพระราชทานจากในหลวง ร.9 เมื่อปี 2558 แต่ด้วยฐานะยากจนมาก ทำให้ต้องอยู่กันอย่างลำบาก แม้แต่ไข่ดาว 1 ฟอง ยังต้องกินกันแบบหาร 4 เพื่อเก็บเงินไว้รักษาตัวและให้ลูก 2 คน ได้เรียน ซึ่งตัวพ่อที่ขาขาดนั้นเกิดจากปี 2554 อาสาไปกับทหารเพื่อช่วยน้ำท่วมใหญ่ที่ กทม.ต้องลุยน้ำทุกวันจนติดเชื้อ สุดท้ายต้องตัดขาทิ้งกันเชื้อลุกลาม
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ทราบว่าขณะนี้มีผู้ใจบุญทั่วประเทศร่วมบริจาคสิ่งของและเงินช่วยเหลือมาทั้งสิ้น 3,060,501 บาท เป็นจำนวนเงินที่มาก ทำให้ครอบครัว นิราชโศรก ดีใจที่สุด ส่วนโรงเรียนประจำตำบลที่ลูกสาวคนโตต้องลาออกมาเพราะไม่มีเงิน ก็แจ้งว่าให้น้องกลับมาเรียนอีกครั้งได้แล้วในชั้น ม.1

จากนั้น นายอนุชิต พร้อมลูกๆ 3 คน ก็ไปเปิดบัญชีที่ ธ.ออมสิน เพื่อฝากเงินเป็นทุนการศึกษาลูกสำหรับอนาคต เปิดบัญชีในชื่อ ด.ญ.กัลยา นิราชโศรก อายุ 14 ปี และด.ช.พงศกร นิราชโศรก อายุ 9 ขวบ โดยฝากเงินไว้บัญชีละ 1 ล้านบาท รวม 2 บัญชีเป็นเงิน 2 ล้านบาท ส่วนที่เหลือแบ่งเก็บเป็นทุนสำหรับค่ารักษาพยาบาลหลังการผ่าตัดม้าม ถ้าแพทย์ให้กลับมาอยู่บ้านก็จะเปิดร้านขายของชำเลี้ยงชีพ
ด.ญ.กัลยา กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่สานฝันให้ตนได้เรียนต่อ หลังจากที่ได้ไปติดต่อที่โรงเรียน ทางโรงเรียนแจ้งมาว่าให้เข้าเรียนได้เลย โดยจะต้องเข้าเรียนชั้น ม.1 ใหม่ มีความฝันอยากจะเรียนทางด้านวิศวกร และจะส่งให้น้องเรียนสูงๆด้วย อนาคตอยากเปิดร้านขายของชำ เพื่ออยู่บ้านดูแลพ่อ

ด้าน นายอนุชิต กล่าวว่า อยากจะขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือ ตนขอประกาศของดรับบริจาคไว้เพียงเท่านี้ เพื่อที่ผู้ใจบุญทั้งหลายไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป เพราะเงินที่ได้มามีมากมายเหลือเกินแล้ว พอสำหรับค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวแล้ว รู้สึกปลื้มใจมากที่สุดที่คนไทยมีน้ำใจขนาดนี้ ขอสัญญาว่าจะใช้จ่ายอย่างประหยัดและตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคทุกประการ
ขอขอบคุณ dailynews