เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ส.ค.62 พ.ต.ท.สุริยพันธ์ ธนบูรณาวัฒน์ สว.(สอบสวน) สภ.กุมภวาปี ได้รับแจ้งจากศูนย์กู้ชีพ รพ.กุมภวาปี มีผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาการสาหัส เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกุมภวาปี โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 9 บ้านใหม่ชัยมงคล ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพรวัลย์ ท้าวพรม ผกก.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.กิตติพงษ์ พรหมสุวรรณ รอง ผกก.สส.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.ภูรินทร์ เพชรที่วัง สว.สส.สภ.กุมภวาปี รุดตรวจสอบ
เมื่อไปถึง พบนายกิตติ รัตสุ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 9 บ้านใหม่ชัยมงคล ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนแก๊ป กระสุนลูกปรายเข้าบริเวณขมับขวา อาการสาหัส ผู้บาดเจ็บนอนอยู่บนเตียงไม่ได้สติ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บถูกพี่ชาย คือ นายชนะไพ แสงส่อง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 4 บ้านโนนม่วงหวาน ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ใช้อาวุธปืนยิง เพราะไม่พอใจที่ผู้บาดเจ็บเมาแล้วขู่ฆ่าแม่และครอบครัว
ตำรวจจึงออกไปที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนแก๊ปสั้น 2 กระบอก วางอยู่บนที่นอน มีกองเลือดอยู่ริมหน้าต่างห้องนอนผู้บาดเจ็บ และรอยเลือดไปทางยาวบริเวณหน้าบ้าน
นางวิรัตน์ สิมมา อายุ 63 ปี แม่ผู้บาดเจ็บและมือปืน ให้การว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีลูก 3 คน แต่ยังได้รับนายกิตติ ผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นลูกของน้องชายมาเลี้ยงเป็นลูกตั้งแต่เกิด เพราะพ่อติดคุกและแม่เสียชีวิต ตนเลี้ยงหลานเหมือนลูกทุกอย่าง เพราะสงสาร ส่งให้เรียนหนังสือ แต่ผู้บาดเจ็บเกเร เรียนแค่ชั้น ม.2 จากนั้นก็ไม่ยอมไปโรงเรียนและไม่ยอมทำงาน และมักจะซื้อยาบ้ามาเสพ เมื่อเมาได้ที่ก็จะนำเปลญวนขึ้นไปผูกนอนบนต้นไม้สูง
นางวิรัตน์ เล่าต่อไปว่า ผู้บาดเจ็บเอาแต่เที่ยวเตร่ เสพยาบ้า กัญชา ดื่มเหล้า ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ ก่อเหตุทะเลาะวาทในงานบุญตามหมู่บ้าน หนักสุดเมื่อเมายาบ้าก็มักจะมาขู่เผาบ้าน ขู่ฆ่าพ่อแม่ จนชาวบ้านเอือมระอาและถูกตำรวจจับ ส่วนลูกชายและลูกสาวต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัว รวมทั้งนายชนะไพ เหลือผู้บาดเจ็บอาศัยอยู่กับตน โดยไม่ยอมไปทำงาน ให้ตนหาเลี้ยง โดยตนจะออกไปรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงสามีซึ่งนอนป่วยอยู่ในบ้านด้วย
ก่อนเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บเสพยาบ้าและกินเหล้า เมาไม่ยอมหลับยอมนอน 2 คืน และได้ขอเงินตนไปซื้อเหล้ามาดื่ม แต่ตนไม่มีเงินให้ จึงอาละวาด นำอาวุธปืนแก๊ปสั้นออกมายิงไก่ นำไปต้มกิน 2 ตัว และยิงไก่ชาวบ้านขาหักอีก 1 ตัว พร้อมกับขู่ฆ่ายกครัว
พอมีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์มาซื้อหน่อไม้กับตน ผู้บาดเจ็บก็ถือปืนออกขู่ชาวบ้านและสั่งให้ออกไป ตนหมดความอดทนจึงโทรศัพท์ไปบอกนายชนะไพ ลูกชายที่แต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ที่บ้านโนนม่วงหวาน ว่าไม่ไหวแล้วถึงกับขู่ฆ่ายกครัว นายชนะไพ จึงขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้าน
เมื่อมาถึงนายชนะไพได้เข้าไปคุยกับผู้บาดเจ็บในห้องนอน สักพักตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด สิ้นเสียงปืนก็เห็นนายชนะไพเดินออกมาจากห้อง ไปขี่จักรยานยนต์กลับไปบ้าน ต่อมาก็ได้ยินเสียงผู้บาดเจ็บพูดว่า เลือดกูออกเลย ก่อนจะวิ่งออกมาจากห้อง โดยมีเลือดไหลออกจากบาดแผล บริเวณขมับขวาหยดลงพื้นเป็นทาง ให้ญาติขี่จักรยานยนต์พ่วงข้างไปส่งโรงพยาบาลกุมภวาปี
รู้สึกเสียใจที่ลูกต้องมายิงกัน แม้ว่าผู้บาดเจ็บจะเป็นหลาน แต่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดก็ยังเหมือนลูก นางวิรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
ต่อมา พ.ต.ท.ภูรินทร์ เพชรที่วัง สว.สส.สภ.กุมภวาปี นำกำลังตามไปจับกุมนายชนะไพ ได้ที่บ้านโนนม่วงหวาน ขณะนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านกับภรรยา
จากการสอบสวนนายชนะไพ ให้การรับสารภาพว่า หลังจากแม่โทรศัพท์ไปบอกว่า นายกิตติ น้องชายเมายาบ้า อาละวาดไม่นอนมา 2 วัน และขู่ฆ่ายกครัว ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านแม่ เพื่อจะมาสั่งสอนให้น้องหยุดพฤติกรรม โดยตนเข้าไปหาผู้บาดเจ็บในห้องนอน ซึ่งกำลังนั่งพ่นสีสเปรย์ (สีขาว)ใส่ตู้เสื้อผ้า มีอาวุธปืนแก๊ปสั้นวางอยู่บนที่นอน 2 กระบอก ตนบอกให้ผู้บาดเจ็บไปหางานทำ เพราะแม่เลี้ยงมาจนโตแล้ว อย่ามาให้แม่ที่แก่ชราต้องมาหาเลี้ยงอีก ทำให้ผู้บาดเจ็บไม่พอใจ พูดจาท้าทายพร้อมกับขู่จะฆ่ายกครัว และจะไม่ยอมหนีไปไหนด้วย จะอยู่ที่บ้านหลังนี้ ใครจะทำไม
ตนทนไม่ไหวจึงหยิบปืนที่วางอยู่ขึ้นมายิงใส่ขมับขวา 1 นัด ในระยะกระชั้นชิด ทำเอานายกิตติ น้องชายสะดุ้งเฮือก จากนั้นตนได้เดินออกจากห้องขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้าน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เมียฟัง และรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่
รู้สึกเสียใจที่ยิงน้อง แต่ที่ทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หลังหายโมโหก็รู้สึกสำนึกผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และแจ้งข้อหา พยายามฆ่า ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป