เมื่อเวลา 16.25 น. วันที่ 17 ส.ค. 62 พ.ต.ท.พิทักษ์ จตุพิพิธพร สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บ้านหมี่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บ้านหมี่ ว่ามีเหตุผู้ถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดแทงเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 6 ต.ชอนม่วง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานแพทย์เวร รพ.บ้านหมี่ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดบ้านหมี่ ร่วมเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกสูง มีชาวบ้านและญาติผู้เสียชีวิตยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่จำนวนหนึ่ง ที่ชั้นสองของบ้านพบร่างนายชม สายสิน อายุ 59 ปี สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอก ไม่สวมกางเกง แต่มีแพมเพิสสวมใส่อยู่ นอนหงายนอนทับผ้าห่ม เมื่อเลิกเสื้อพบว่าที่หน้าอกด้านซ้าย ลำตัว และที่ท้อง มีบาดแผลจากการถูกแทงกว่า 10 แผล เลือดไหลซึม แต่ไม่พบอาวุธมีด ซึ่งจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งจากการชันสูตรพลิกของแพทย์ ศพคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1-2 ชั่วโมง
จากการสอบสวนญาติซึ่งเป็นน้าสาวของผู้ตายเล่าว่า นายชม ป่วยด้วยโรคเรื้อรังหลายโรค ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ และไม่สามารถเดินได้ตามปกติ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตนเองและญาติได้นำตัวเพื่อทำการรักษาที่ รพ.และกลับมาฟักฟื้นที่บ้าน โดยระยะหลังนายชมมีอาการเศร้าซึม และบ่นอยากตาย ไม่อยากเป็นภาระพี่น้องและครอบครัว ซึ่งทางญาติก็ได้แต่ปลอบใจ ให้กำลังใจต่อสู่ให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ และพยายามเฝ้าดูอาการตลอด เมื่อวานนายชมได้พยายามผูกคอตัวเอง แต่ญาติได้มาเห็นเสียก่อนสามารถช่วยไว้ได้
เมื่อช่วงเช้า และสาย นายชมก็ยังอยู่ในอาการปกติ กินข้าวปลาอาหารได้ และไม่แสดงอาการใดๆ แต่บ่นอยากกินผลไม้ ญาติพี่น้องจึงได้หามาให้พร้อมด้วยมีดปลอกผลไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว ญาติๆ ได้ผลัดเปลี่ยนเดินขึ้นมาดูเป็นระยะ จนบ่ายน้าสาวได้เดินมาที่ใต้ถุนบ้านเห็นมีเลือดหยดจากบนบ้าน รีบวิ่งขึ้นไปดูพบว่านายชม หลานเสียชีวิตแล้ว ซึ่งคาดว่าจะแทงหัวใจ ลำตัวตัวเองจนตายดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน เป็นที่รันทดใจอย่างยิ่ง
ทั้งนี้สารวัตรเวรสอบสวนได้สอบปากคำผู้ที่พบศพครั้งแรก ญาติๆ และเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งได้นำอาวุธมีดมีดที่นายชม ใช้ทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิตที่ทางญาตินำลงมาไว้ชั้นล่างส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อเก็บรายนิ้วมือแฝง และได้นำร่างนายชมส่งพิสูจน์ที่ รพ.บ้านหมี่ อีกครั้ง ซึ่งถ้าผลพิสูจน์ขัดแย้งกับการชันสูตรพลิกศพ ก็จะนำร่างส่งพิสูจน์ที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป หรือทางญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต ก็จะมอบร่างให้ไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
เรียบเรียงโดย กฤษณ์ สนใจ ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.ลพบุรี